อ.กัลยานิวัฒนา...อำเภอเล็กกลางหุบเขา II
- ฺBeerkrapong
- 14 ต.ค. 2558
- ยาว 1 นาที

นอกจากโครงการหลวงวัดจันทร์แล้ว ที่อ.กัลยานิวัฒนา ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจรอให้เราไปสัมผัส ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโครงการหลวงฯเลย
บ้านห้วยฮ่อม

เป็นเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนเหล่อชอ ที่เกิดจากการรวมตัวกันของ 3 หมู่บ้าน คือ บ้านห้วยฮ่อม บ้านดอยตุง และบ้านห้วยครก ต.บ้านจันทร์ ซึ่งชาวเขาส่วนใหญ่เป็นชาวปกากะญอที่เข้ามาอาศัยและตั้งถิ่นฐานจนกลายเป็นหมู่บ้าน มีเรื่องราว ของชุมชนที่อยู่คู่กับธรรมชาติและยังคงใช้วีถีชีวิตแบบดั้งเดิมอยู่มาก ทั้งวัฒนธรรมการแต่งกาย ความเป็นอยู่ อาหารการกิน ประเพณีและความเชื่อแบบโบราณคือการนับถือผี บูชาธรรมชาติ โดยเปิดให้เป็นการท่องเที่ยวชุมชนเปิดให้บุคคลที่สนใจได้เข้ามา เรียนรู้และสัมผัสวิถีชุมชน พักโฮมสเตย์และทำกิจกรรมร่วมกับชาวบ้าน ฤดูท่องเที่ยวที่เหมาะสมคือ ช่วงเดือนก.ย.- ต.ค. เพราะจะได้เห็นนาข้าวขั้นบันไดด้วย สำหรับการท่องเที่ยงชุมชนบ้านห้วยฮ่อมจะคิดราคาตามนี้
ค่ารถกระบะนำเที่ยว 1000 บาท นั่งได้ 10 คน (เนื่องจากเส้นทางบางช่วงเมื่อเข้าสู่บ้านห้วยฮ่อม รถตู้หรือรถเก๋งไม่สามารถเข้าได้) ค่าอาหารกลางวัน 70 บาท/คน ค่าผู้นำเที่ยว 300 บาท ค่าอาหารว่างเมตอซู 300 บาท ค่าประสานงาน 200 บาท ค่าชมการทอผ้าของชุมชน 300 บาท ค่าผู้นำเที่ยวชุมชน 300 บาท/วัน/กลุ่มไม่เกิน 10 คน โดยสามารถติดต่อได้ที่ พี่เช โทร 080-859-2978
การเดินทางจากโครงการหลวงฯมายังบ้านห้วยฮ่อมใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที



บ้านของชาวห้วยฮ่อม จะเป็นบ้านไม้ยกใต้ถุนสูง

วัดห้วยฮ่อม เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน ที่นี่ผู้คนนับถือ 2 ศาสนา คือพุทธและคริสต์ เวลามีงานบุญก็จะผลัดกันช่วยเหลือซึ่งกันและกัน


ไฮไลต์ของบ้านห้วยฮ่อม คือ นาข้าวผืนใหญ่ของชาวห้วยฮ่อม แต่ระหว่างทางจะพบกับป่าไม้ ไม้ที่มีความสำคัญของหมู่บ้าน เพราะชาวบ้านใช้ประโยชน์ทั้งวงจรชีวิตของมัน


และนี่คือไฮไลต์ของหมู่บ้าน นาข้าวของที่นี่ตั้งอยู่รายล้อมกลางหุบเขาปลูกลดหลั่นกันไป แต่ไม่ถึงก็เป็นขั้นบันไดมากนัก ในช่วงเดือนสิงหาคมชาวบ้านจะเริ่มทำนา และประมาณเดือนกันยายนข้าวจะเริ่มเขียวขจี และในปลายเดือนตุลาคมข้าวในนาสุกกลายเป็นสีทอง










ในปลายพื้นที่ของท้องนา จะมีกระท่อมไว้สำหรับพักพิงหลังจากการทำนา โดยใช้ร่วมกันในหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังใช้ประกอบพิธีเซ่นไว้ผีในพื้นที่นาอีกด้วย


ชาวบ้านยังบวงทรวงผีด้วยอุปกรณ์ไม้ไผ่ โดยวิธีก็คือนำเลือดไก่มาเซ่นไหว้โดยป้ายเลือดไว้ที่ไม้ จากนั้นนำขนไก่มาปักไว้

มีบริการบ้านพักแบบโฮมเสตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวอยู่ประมาณ 4 หลัง ไว้สำหรับใครที่อยากพักค้างคืนหรือรับประทานอาหารร่วมกับชาวบ้าน




สำหรับบรรยากาศการพักโฮมสเตย์แบบค้างคืนนั้น จะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวปกากะญออย่างใกล้ชิด โดยมีคนในหมู่บ้านทำอาหารให้เราได้กิน ออกไปเก็บพืชผัก เดินชมหมู่บ้าน

บรรยกาศรอบหมู่บ้าน

ใบส้มปี้ มีรสชาติเปรี้ยวๆ ฝาดๆ เอามายำเป็นกับข้าว

ต้มน้ำสมุนไพร

คนในหมู่บ้านทำอาหารให้ทาน

อาหารฝีมือชาวห้วยฮ่อม

ต้มไก่

ยำปลากระป๋องส้มปี้

ทำกับข้าวโดยใช้ฝืน

ที่นอนไม่ต้องพึ่งแอร์
อาหารเฉพาะของชนเผ่าก็คือ เมตอซู เป็นข้าวเหนียวผสมกับน้ำตาลนึ่งในฝักดอกกล้วยไม้ รสชาติจะคล้ายข้าวหลาม เจือกลิ่นของกล้วยไม้

ฝักดอกกล้วยไม้






ยังมีกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องการทอผ้าสำหรับผู้ที่สนใจ ตั้งแต่ขั้นตอนการปั่นด้าย การทอ และการปักผ้าด้วยลูกเดือย การทอผ้ายังเป็นการทอแบบโบราณใช้กี่เอว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวันที่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ยาจนมาถึงลูกหลานผ้าที่ทอก็นำมาใช้ใส่กันเองในครัวเรือน




วิหารแว่นตาดำ วัดจันทร์
สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่อำเภอ อีกวัดหนึ่งมีวิหารที่แปลกจากวิหารทั่วไป เรียกว่า วิหารแว่นตาดำ หรือวิหารเรย์แบรนด์ เนื่องจากลักษณะ ของวิหารเมื่อมองจากด้านหน้าแล้วคล้ายกับกำลังสวมแว่นตาดำ วิหารนี้ช่างชาวปกากะญอได้เอากระจกกรองแสงสีดำมาติดตรง ช่องลมด้านหน้าวิหาร เมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้วนี้เอง ด้วยเหตุเพื่อป้องกันโจรที่เข้ามาลอบขโมยพระประธาน ซึ่งเป็นพระสิงห์สาม อายุกว่า 300 ปี


จุดชมวิวพระธาตุ ชมวิวอำเภอกัลยาณิวัฒนา
หากเดินทางมาถึงอำเภอกัลยาณิวัฒนา ไม่ควรพลาดมาชมวิวในมุมสูงที่สามารถมองเห็นวิวของอำเภอนี้ได้แบบกว้างไกล ที่จุดชมวิวพระธาตุ ตั้งอยู่ใกล้กับวัดจันทร์ ไม่ไกลจากโครงการหลวงมากนัก เส้นทางขึ้นไปยังจุดชมวิวต้องใช้ รถกระบะขึ้นไป เท่านั้น เพราะเป็นเส้นทางดินแดนแคบและชันนิดหน่อย ขึ้นไปประมาณ 1 กิโล เราก็จะได้เห็นเจดีย์สีขาว เรียกว่า โคว่โพหลู่ แปลว่า เจดีย์น้อยเมื่อมองลงไปเบื้องล่างจะเห็นภาพบ้านเรือนของชาวบ้านที่แทรกตัวตามต้นไม้ใหญ่ ที่เขียวขจี ในช่วงฤดูทำนา เราก็จะได้เห็น นาข้าวเขียวขจีมองแล้วสบายตาและสดชื่น




อ. กัลยานิวัฒนา ถึงแม้จะเป็นอำเภอเล็กๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความงามของป่าสน ความสดชื่นของอากาศบริสุทธิ์ ความเขียวขจีของทุ่งนา และมนต์สเน่ห์ของวัฒนธรรมปกากะญอที่เรียบง่าย เส้นทางท่องเที่ยวนี้จึงเป็นเส้นทางในฝันเส้นทางหนึ่งของฉัน ที่ครั้งหนึ่งต้องไปให้ได้ :)
ฺBeerkrapong
Comments